วันนี้ (13 มี.ค. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ ร.ต.อ.วิฆเนศ ซื่อตรง รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่ามีกลุ่มไรเดอร์วิ่งไล่ทำร้ายกัน อยู่บริเวณป้ายรถโดยสาร หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ในพื้นที่เขตเทศบาลนครอุดรธานี จึงพร้อมด้วยสายตรวจ 191 รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบนายศรานุวัฒน์ อายุ 49 ปี เป็นไรขับรถยนต์ส่งผู้โดยสาร ก่อนเกิดเหตุมีลูกค้าผู้ชายได้ว่าจ้างให้ตนมารับที่ปั๊ม ปตท.แยกหนองใส ถนนเลี่ยงเมือง เพื่อมารับพัสดุที่สั่งซื้อจากไรเดอร์ส่งพัสดุบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
เมื่อมาถึงลูกค้าได้ลงรถพร้อมกับบอกให้ตนมารอที่ลานจอดรถหน้าห้างสรรพสินค้าดังกล่าว ส่วนลูกค้าได้รอไปรับกล่องพัสดุ จากนั้นลูกค้ารับกล่องพัสดุแล้ว
นายศรานุวัฒน์ เล่าต่อว่า แต่มีพนักงานบริษัทและไรเดอร์ประมาณ 10 คน ได้วิ่งไล่ติดตามลูกค้าของตนมา และลูกค้าตนก็ได้วิ่งหลบหนีไปแล้ว ตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องเชิดสินค้า จึงได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตร. ส่วนกล่องพัสดุอยู่ในกระเป๋าเป้สีเทาวางอยู่ในรถ ซึ่งลูกค้ารับมาแล้วไม่จ่ายเงิน ส่วนลูกค้ายังไม่จ่ายเงินค่าจ้างตนเลย ตกลงกันไว้ที่ 300 บาท
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตร. ได้ขับรถไล่ติดตามจับชายคนดังกล่าวได้ที่ถนนนิตโย ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กม. ทราบชื่อภายหลังว่า นายเพ็ญเพชร อายุ 28 ปี เจ้าหน้าที่ตร. ได้ควบคุมตัวไปโรงพัก ทำการสอบสวน
โดยนายศรานุวัฒน์ ให้การว่ารับสารภาพว่า ตนได้สั่งโทรศัพท์มือถือจากบริษัท เครื่องละ 2-3 หมื่น โดยให้เก็บเงินปลายทาง แล้วนัดมารับของตามสถานที่ต่าง ๆ ตามที่ตนจะนัด พอได้รับของก็ทำทีว่าจะโอนเงินแต่ก็ไม่โอน และบางทีก็นำสลิปปลอมมาหลอก ซึ่งครั้งนี้ไม่จ่ายเงินแถมวิ่งหนีไป ซึ่งตนทำมาแล้ว 2 ครั้ง
ซึ่งต่อมาบริษัทขนส่งได้ยืนยันว่า ผู้ต้องเคยหาก่อเหตุ ครั้งแรก เวลา 11.17 น. วันที่ (16 ก.พ.68) สั่งซื้อโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ราคา 26,657 บาท ต่อมา เวลา 11.52 น. วันเดียวกัน ซึ่งซื้อโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง 2 กล่อง ราคา 23,587 และ ราคา 29,768 บาท รวมมูลค่า 80,012 บาท
โดยครั้งสอง เวลา 13.11 น. วันที่ (8 มี.ค.68) สั่งซื้อโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง มูลค่า 22,900 บาท และครั้งที่สามวันนี้สั่งซื้อโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง เครื่องละ 27,000 บาท รวม 54,000 บาท รวมมูลค่าเสียหาย 150,912 บาท ทุกครั้งที่ก่อเหตุพนักงานส่งสินค้าต้องกู้เงินมาชดใช้ให้บริษัท โดยทางบริษัทยืนยันดำเนินคดีตามกฎหมาย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตร. จึงแจ้งข้อหา “ประพฤติตนวุ่นวาย” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งข้อหา “ฉ้อโกง” และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป