เด็ก 13 ปี พร้อมย่า นำหลักฐานร้องสายไหมต้องรอด หลังถูก จยย. เฉี่ยวชนจนตาบอด แต่คู่กรณีไร้การเยียวยารับผิดชอบ คดีล่าช้ากว่า 4 เดือน
วันที่ 1 มีนาคม 2568 ย่าร้องขอความช่วยเหลือเพจสายไหมต้องรอด หลังหลานชายซ้อน จยย. เพื่อนเพื่อไปซื้อของ ระหว่างทางกลับบ้าน ถูก จยย. อีกคันหนึ่งขี่มาชน เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค. 67 เวลาประมาณ 18.00 น. ฝั่งตรงข้าม ซ.พระยาสุเรนทร์ 33 พื้นที่รับผิดชอบ สน.คันนายาว ผ่านไปแล้วนานกว่า 4 เดือนคดียังไม่มีความคืบหน้า
โดย น้องเอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี เผยว่า ขณะที่ซ้อน จยย. เพื่อนเพื่อไปทำธุระ ถูก จยย. ของคู่กรณีมาเฉี่ยวชนจนล้ม ทำให้ตนเองหน้ากระแทก ไถลไปกับพื้น สลบไม่ได้สติ ก่อนถูกนำตัวส่ง รพ. เมื่อฟื้นขึ้นมาพบว่า ดวงตาข้างซ้ายมองไม่เห็น แพทย์ระบุว่า เส้นประสาทตาเสีย ที่ผ่านมาคู่กรณีไม่เคยเข้ามาดูแล ส่วนตัวอยากกลับมามองเห็นได้เป็นปกติอีกครั้ง
ด้านนางปัทมพร อายุ 50 ปี ย่าของน้อง 13 ปี ระบุว่า คู่กรณีอายุ 50 ปีเศษ ได้เข้ามาที่โรงพยาบาล แต่ตนเองไม่ได้พบ จากนั้นหลานก็เข้ารับการรักษาตัว ซึ่งคู่กรณีก็ไม่ได้แสดงความรับผิดชอบอะไร จนกระทั่งผ่านไป 4 เดือนก็ยังไม่สามารถติดต่อคู่กรณีได้ และต่อมาตำรวจออกหมายเรียก ไปตามภูมิลำเนา ซึ่งทราบภายหลังว่าอยู่ที่ จ.พะเยา อยากวิงวอนให้มาแสดงความรับผิดชอบ เพราะหลานชายใช้ชีวิตลำบาก ดวงตาข้างซ้ายมองไม่เห็น แต่ยังไม่ยืนยันว่าเป็นผู้พิการ โดยระบุเป็นการสูญเสียดวงตาเพียงข้างเดียว เป็นสิ่งที่สงสัยมาก เพราะหลานสูญเสียดวงตาไปข้างหนึ่งแล้ว
ต่อมาทราบว่า คู่กรณีอยู่ย่าน ถ.พระยาสุเรนทร์ ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ ที่ก่อนหน้านี้ยอมรับกับตำรวจว่าดื่มสุรา แต่ไม่ทราบว่ามีการตรวจวัดแอลกอฮอล์หลังเกิดเหตุเลยหรือไม่ จึงอยากวอนให้คู่กรณีออกมารับผิดชอบเพราะครอบครัวตนเองได้รับความเดือดร้อน
ด้าน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เผยว่า หลังจากนี้ จะประสานไปยังพนักงานสอบ สน.คันนายาว ให้ช่วยเร่งรัดในเรื่องของคดี เบื้องต้นทราบว่า ตำรวจได้ชี้แล้วว่าคู่กรณีมีความผิด ซึ่งเชื่อว่าการติดตามตัวผู้กระทำความผิดนั้นไม่ยาก ส่วนเรื่องของการรักษาดวงตา อยากวิงวอนหมอหรือโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง สามารถรักษาดวงตาได้ ขอให้ติดต่อผ่านมายังเพจสายไหมต้องรอด เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับน้องที่ประสบเหตุ ส่วนตัวมองว่าคดีนี้มีความล่าช้า