หัวจะปวด! ร้านชำเงินหายบ่อย ก่อนรวบสาวใหญ่ขณะแอบขึ้นบ้าน เจ้าตัวอ้าง นัดกับพี่ชายเจ้าของบ้านมีเพศสัมพันธ์เพื่อแลกเงิน ไม่ได้มาขโมย
12 ก.พ. 68 เมื่อเวลา 10.30 น. ร.ต.อ.วิทยา ศิริเทพ รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุมีคนร้ายบุกขึ้นมาบนบ้าน คาดว่าจะมาขโมยเงินหรือของมีค่า เบื้องต้นเจ้าของบ้านได้ควบคุมตัวเอาไว้ได้เป็นผู้หญิง 1 คน เหตุเกิดที่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี หลังรับแจ้งเหตุจึงพร้อมด้วยสายตรวจ 191 รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ชั้นล่างเปิดเป็นร้านขายของชำ โดยมีนายสมคิด อายุ 51 ปี เจ้าของบ้าน ได้ร่วมกับญาติและชาวบ้านคุมตัว น.ส.รัมภา อายุ 50 ปี หลังจากขึ้นไปหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องเก็บของบนชั้น 2 ของบ้าน เบื้องต้น น.ส.รัมภา ให้การรับสารภาพว่า ขึ้นมาบนบ้านจริง ไม่ได้ตั้งใจลักขโมยของ แต่เป็นการนัดหมายกับนายชัชวาล อายุ 56 ปี พี่ชายของนายสมคิด จึงขึ้นมาบนบ้านเพื่อมีเพศสัมพันธ์กันเพื่อแลกกับเงิน
เมื่อตำรวจไปถึงได้ทำการสอบถามนายสมคิด โดยให้การว่า บ้านหลังนี้เปิดเป็นร้านขายของชำมานานแล้ว น.ส.รัมภา ก็รู้จักกัน เป็นคนในชุมชน มาซื้อของที่บ้านบ่อย ๆ ตอนแรก น.ส.รัมภา ได้เดินมาถามตนว่า จะขอยืมเงิน 300 บาท ตนก็บอกว่าไม่มี เพราะเอาไปซื้อของมาขายหมดแล้ว จากนั้นก็ไม่รู้ว่า น.ส.รัมภา เดินออกไปยังไงตอนไหน เนื่องจากกำลังจัดของในร้าน สักพักได้ยินเสียงคนเดินอยู่บนบ้าน ตนถามพี่ชายว่าได้ขึ้นไปบนบ้านหรือไม่ พี่ชายก็บอกว่าไม่ได้ขึ้นไป จึงพากันขึ้นไปดูก็เห็น น.ส.รัมภา แอบอยู่ในห้องเก็บของ คิดว่าคงจะมารอขโมยของช่วงจังหวะคนในบ้านเผลอ แต่ก็ยังไม่ได้ขโมยอะไรไป
ด้าน น.ส.เนาวรัตน์ อายุ 57 ปี พี่สาวของนายสมคิด เจ้าของบ้าน ให้การเพิ่มเติมว่า แต่ก่อนจะมีแม่คอยอยู่บ้านดูแลน้องทั้ง 2 คน แต่แม่เพิ่งเสียไปได้ไม่นาน น้องทั้ง 2 คน เป็นคนพิการ สายตาไม่ดี มองเห็นไม่ชัด ที่ผ่านมาเงินที่บ้านหายบ่อยครั้ง ตอนแรกก็สงสัยคนในครอบครัว เฉพาะเงินของตนเองหายไปแล้วหลายครั้ง ครั้งล่าสุดประมาณ 7 พันบาท ตอนแรกก็หายไป 3-4 พัน แต่ก็ยังจับไม่ได้ว่าเงินหายไปได้ยังไง ใครเป็นคนขโมย ตอนนี้จับได้คาหนังคาเขา น.ส.รัมภา มาแอบอยู่บ้านชัดเจน อยากให้ดำเนินคดีจนถึงที่สุด
หลังจากนั้นตำรวจได้ควบคุมตัว น.ส.รัมภา ไปทำการสอบปากคำที่โรงพัก โดยให้การเพิ่มทั้งน้ำตาอีกว่า ตนป่วยเป็นโรคมะเร็งโพรงจมูก ระยะที่ 4 อยู่กับลูก 3 คน ตนป่วยมานานไม่ได้ทำงานอะไร ก่อนที่แม่ของครอบครัวร้านชำจะเสีย ตนได้มีความสัมพันธ์กับนายชัชวาล เพื่อแลกกับเงินครั้งละ 100-200 บาท เอาไว้ซื้อข้าวกิน จะเข้าไปช่วงประมาณตี 4 แต่ก็ไม่ได้เข้าไปบ่อย เพราะกลัวแม่เขารู้เรื่อง พอแม่เขาเสียแล้ว นายชัชวาล ก็พยายามนัดหมายให้เข้าไปอีก จนวันนี้ก็เข้าไป นัดหมายกันแล้ว แต่เรื่องก็มาเป็นแบบนี้ ตนไม่ได้เข้าไปขโมยอะไรเลย
ด้านนายชัชวาล เล่าว่า เคยนัดหมาย น.ส.รัมภา มาที่บ้านจริง นัดกันมาเพื่อลูบคลำกันเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรกัน เพราะเขาบอกว่าไม่มีเงินให้ลูก ไม่มีเงินซื้อกิน มาก็จับนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้น ให้ครั้งละ 100 บาท สงสารเขา และเลิกทำแบบนี้นานแล้ว ไม่ได้นัดเขานานแล้ว จากนั้นเงินที่บ้านก็หายไปบ่อยมาก เป็นเงินที่เก็บไว้ค้าขาย เป็นเงินทอนที่หาย ครั้งละ 200-300 บาท ที่ผ่านมาเขาเข้ามาแบบเงียบๆ มาแบบไม่รู้สึกตัว คิดว่าเขาทำมาหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่แม่ยังมีชีวิตอยู่ อยากให้รับสารภาพ กล้าทำต้องกล้ารับ ไม่ได้ใส่ร้ายป้ายสีเลย
เบื้องต้น ตำรวจได้ทำการพูดคุยทำข้อตกลงกันระหว่างผู้เสียหาย และ น.ส.รัมภาฯ ห้ามไม่ให้เข้ามาที่บ้านและทำพฤติกรรมแบบนี้อีก โดยข้อหากล่าวหาว่าลักทรัพย์ ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอ ก่อนแจ้งข้อกล่าวหา น.ส.รัมภา ในข้อหา “บุกรุก” เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป