ผู้ตรวจการแผ่นดินภูมิภาคที่ 9 แจงปมตึก สตง.พะเยา ร้าง ไม่ได้ปล่อยผู้รับเหมาทิ้งงาน เผยงานไม่คืบ ต้องปรับรายวัน ก่อนยกเลิกสัญญาและอยู่ระหว่างหาผู้รับจ้างรายใหม่ แต่เปิดประมูลรอบแรกแล้วไร้คนยื่นซอง เล็งทบทวนราคากลางใหม่
วันนี้ (4 เม.ย.68) นางรสสุคนธ์ เคนพะนาน ผู้ตรวจการแผ่นดินภูมิภาคที่ 9 ลำปาง (สตภ.9) กล่าวถึงกรณีมีข่าวอาคารก่อสร้างสำนักงาน สตง.จังหวัดพะเยา พร้อมบ้านพักข้าราชการ ตั้งอยู่หมู่ 8 ตำบลแม่ปืม อำเภอเมืองพะเยา ใช้งบประมาณก่อสร้าง 73 ล้านบาท กำหนดแล้วเสร็จ 10 เม.ย.66 แต่ถูกทิ้งรกร้าง ก่อสร้างไม่เสร็จ ว่า ทาง สตภ.9 ไม่ได้ปล่อยให้ผู้รับจ้างทิ้งงานตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด โดย สตภ.9 ได้บอกยกเลิกสัญญากับผู้รับจ้างไปเมื่อวันที่ 15 ต.ค.67 และได้ประกาศเชิญชวนให้ผู้รับจ้างรายใหม่เข้าร่วมประมูลราคา เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเข้าทำงานต่อในส่วนที่เหลืออีก 62 % และขอให้ผู้รับจ้างยื่นประกวดราคาภายในวันที่ 18 มี.ค.68 แต่ปรากฏว่าไม่มีผู้รับจ้างมายื่นซองประกวดราคาแม้แต่รายเดียว เนื่องจากราคากลางของงานที่เหลืออยู่สูงกว่างบประมาณที่เหลืออยู่ โดยไม่สามารถเพิ่มวงเงินได้ ทำให้ขณะนี้ สตภ.9 ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อทบทวนราคากลางใหม่ พร้อมขอขยายเวลาดำเนินงานโครงการออกไปก่อนอีก 6 เดือน ซึ่งก็หวังว่าจะมีผู้รับจ้างรายใหม่เข้ามาดำเนินการต่อเร็วๆนี้
ส่วนที่บอกว่า สตภ.9 ปล่อยให้ผู้รับเหมาทิ้งงานมา2 ปีนั้น จริง ๆ แล้วตั้งแต่เริ่มประกวดราคา เป็นการประกวดราคาแบบอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อได้ผู้รับจ้างและเริ่มเข้าทำงาน สตภ.9 มีหน้าที่ตรวจรับงานแต่ละงวด และเบิกจ่ายเงินให้เท่านั้น โดยเริ่มแรกการดำเนินงานก็ไม่มีปัญหา ผู้รับเหมาได้ส่งมอบงานตามงวดและเบิกจ่ายเงินให้ตามงวดที่เสร็จ หลังจากสิ้นสุดสัญญา 10 เม.ย.66 ผู้รับเหมาได้รับการยกเว้นช่วงโควิดอีก 317 วัน ทำให้สัญญาขยายมาสิ้นสุด 21 ก.พ.67 หลังจากกลับมาเริ่มทำงานใหม่ก็พบว่างานล่าช้า ทราบภายหลังว่าผู้รับจ้างรับงานหลายที่และน่าจะมีปัญหาสภาพคล่อง ทำให้งวดงานเสร็จไม่ทันตามสัญญา ระหว่างนั้นก็ได้มีการคิดค่าปรับล่าช้าวันละ 68,000 บาท
ต่อมาพบว่างานสะดุดมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งดูแล้วว่าค่าปรับกับระยะเวลาทำงานตามสัญญาและความคืบหน้าของงานไม่สอดคล้องกันน่าจะไปต่อไม่ได้ สตภ.9 จึงแจ้งบอกเลิกสัญญากับผู้รับจ้างวันที่ 15 ต.ค.67 ซึ่งทำให้มีค่าปรับ ณ วันยกเลิกสัญญาประมาณ 13 ล้านบาท ซึ่งจำเป็นต้องเรียกจากผู้รับจ้างอีกประมาณกว่า 1 ล้านบาท พร้อมกับประสานหลักประกันคืนมาอีก 3.5 ล้านบาท หลังจากยกเลิกสัญญาช่วง พ.ย.- ธ.ค. สภต.9 ยังคงลงพื้นที่ตรวจหน้างานสรุปงานทั้งหมด เพื่อให้ผู้รับเหมาขนย้ายอุปกรณ์ออกจาพื้นที่ พร้อมเริ่มเขียนแบบใหม่ต่อจากที่ทำค้างอยู่ เมื่อเรียบร้อยจึงแจ้งกระทรวงการคลังให้ผู้รับจ้างเป็นผู้ทิ้งงาน เมื่อวันที่ 4 ก.พ.68 หลังจากนั้นก็ได้ดำเนินการตามระเบียบและขั้นตอนของกฎหมาย
ขณะเดียวกันเมื่อวันที่ 27 มี.ค.68 ได้ทำเรื่องไปยัง สตง.เพื่อขอขยายระยะเวลาในการใช้เงินออกไปก่อนอีก 6 เดือน ซึ่ง ผู้ว่าฯ สตง. ได้อนุมัติให้ขยายต่อไปถึงเดือนก.ย.นี้ ทั้งนี้ อยากบอกว่าแม้จะเป็นงานที่ สตง.ทำก็ต้องเดินตามกรอบระเบียบไม่มีอภิสิทธิ์ที่จะเดินออกนอกกรอบและกฎหมายที่กำหนด และจะพยายามหาผู้รับจ้างมาต่องานให้เสร็จในวงเงินที่มีอยู่ เพราะหากต้องคืนเงินและกลับไปเริ่มใหม่ก็จะเกิดความเสียหายมากกว่าเดิม