จากความโกรธแค้นที่สูญเสียญาติมิตร จากเหตุเพลิงไหม้ไนต์คลับใน "นอร์ท มาซิโดเนีย" ทำให้ฝูงชนซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น บุกไปทำลายผับแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นของเจ้าของไนต์คลับดังกล่าว
เป็นภาพขณะที่ฝูงชนซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นกำลังขว้างปาสิ่งของใส่ผับแห่งหนึ่งในเมืองโคชานี ประเทศนอร์ทมาซิโดเนีย ซึ่งเจ้าของผับแห่งนี้ เป็นเจ้าของไนต์คลับที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ จนมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 59 คน บาดเจ็บกว่า 150 คน ช่วงเช้ามืดวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพราะความโกรธแค้นที่รู้ว่า เจ้าของไนต์คลับดังกล่าวติดสินบนนักการเมืองคนหนึ่ง จนได้รับใบอนุญาตให้เปิดบริการไนต์คลับ อย่างไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เท่านั้นไม่พอ ฝูงชนที่โกรธแค้นหลายร้อยคน ยังบุกไปยังบ้านของเจ้าของผับและไนต์คลับดังกล่าว จนเกิดการปะทะกันเล็กน้อยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มารักษาความปลอดภัย จากนั้นฝูงชนยังช่วยกันยกรถของนายกเทศมนตรีเมืองโคชานี จนพลิกตะแคงข้าง และยังเตรียมบุกไปทำลายบ้านพักนายกเทศมนตรีฯ ด้วย แต่ถูกตำรวจวางแนวป้องกันไว้ก่อน
ด้าน นายฮริสเตียน มิชคอสกี นายกรัฐมนตรีนอร์ทมาซิโดเนียระบุว่า เหตุเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นถือเป็นเหตุฆาตกรรมสังหารหมู่ที่มีต้นตอมาจากการทุจริต และเขาจะจับคนผิดมาลงโทษให้ได้
ขณะที่บรรดาสัปเหร่อต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อขุดดินเตรียมไว้สำหรับฝังศพผู้เสียชีวิตที่มีมากถึง 59 คน ทั้งนี้มีการไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตทั้งที่เมืองโคชานีและที่กรุงสโกเปียเมืองหลวงของนอร์ทมาซิโดเนียด้วย
ส่วนที่เม็กซิโก ก็มีเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากเช่นกัน แต่เป็นเหตุกราดยิงด้านนอกโรงเบียร์แห่งหนึ่ง ในเมืองซาลามันกา รัฐกัวนาฮัวโต โดยคนร้ายขับรถมาจอดหน้าโรงเบียร์แห่งนี้ ก่อนใช้อาวุธปืนกราดยิงใส่กลุ่มคนหนุ่มสาวที่รวมตัวกันอยู่ด้านนอก จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 7 คน ในจำนวนนี้เป็นเยาวชน 2 คน และมีผู้บาดเจ็บอีก 6 คน สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ผู้เสียชีวิตไม่ได้มีความโกรธแค้น หรือเกี่ยวข้องใด ๆ กับแก๊งคนร้ายที่ก่อเหตุ จึงอยากให้รัฐบาลเม็กซิโกเอาจริงเอาจังกับการปราบเหตุอาชญากรรมรุนแรงที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องง่าย ล่าสุดขนาดประธานาธิบดี เคลาเดีย เชนบาม ของเม็กซิโกเอง ยังยอมรับว่า โทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าและอีเมลของตน ถูกแก๊งค้ายาเสพติดแฮ็กจริง