ทลายโกดังบุหรี่ไฟฟ้า ห่างโรงพัก 900 ม. นายกฯ อิ๊งค์ บอกชัดเอาจริงปราบให้ถึงนายทุนนำเข้า ทำลายของกลางไม่ให้เล็ดลอด ตำรวจยอมรับสอดส่องไม่ทั่วถึง โกดังปิดมีเยอะ คนร้ายเคลื่อนย้ายหนี
วันนี้ (18 มี.ค.68) ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยกเลิกการแถลงข่าว ก่อนเดินทางด่วนไปยังโกดังแห่งหนึ่งพื้นที่ ต.ละหาร อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เพื่อร่วมแถลงข่าวผลการจับกุม“บุหรี่ไฟฟ้า” โดยพบว่าโกดังดังกล่าวอยู่ห่างจากสถานีตำรวจภูธรบางบัวทองเพียง 900 เมตร
นางสาวแพทองธาร ชื่นชมตำรวจที่ได้ประสานงานกันเป็นอย่างดี จนทำให้สามารถจับกุมบุหรี่ไฟฟ้าล็อตใหญ่ได้ โดยสิ่งที่รัฐบาลกังวล คือปริมาณของสารเสพติดที่แฝงอยู่ในบุหรี่ไฟฟ้าจะมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากมีการนำน้ำยาไปผสมกับยาเค และในหลายเคสส่งผลถึงชีวิต โดยบุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นยาเสพติดที่จะติดในระยะยาว เลิกยาก
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เรื่องของกฎหมายต้องมีความชัดเจน ซึ่งต้องใช้เวลา ตอนนี้รัฐบาลมุ่งเน้นไปในการจับกุมผู้ค้ารายใหญ่ และต้องสื่อสารไปยังประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน ว่า บุหรี่ไฟฟ้าคือสิ่งผิดกฎหมาย จึงขอฝากไปยังกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงอุดมศึกษาฯ ที่ต้องเน้นย้ำในเรื่องการให้ความรู้
เมื่อถามว่า เกิดจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่หรือไม่โดยเฉพาะในส่วนของกรมศุลกากร ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ด่านแรกในการตรวจสอบสินค้า นายกรัฐมนตรี บอกว่า ต่อจากนี้รัฐบาลสั่งเข้มงวดในเรื่องนี้ ซึ่งเชื่อว่าทุกภาคส่วนทราบตรงกันว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลเอาจริงเอาจัง แล้วจะเห็นได้ว่าสถานการณ์กำลังจะดีขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า มีความประหลาดใจหรือไม่ ว่าโกดังแห่งนี้อยู่ใกล้กับสถานีตำรวจนั้น นายกรัฐมนตรี บอกว่า ต้องเด็ดขาดในเรื่องนี้ ซึ่งต้องไปตรวจสอบว่า สินค้าเหล่านี้นำเข้ามาอย่างไร ตำรวจก็กำลังตรวจสอบอยู่
พล.ต.ท. สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ กองบัญชาการตำรวจนครบาลร่วมกับ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้ขอศาลอนุมัติหมายค้นพื้นที่ 10 จุด ที่สืบทราบว่า เป็นแหล่งเก็บและขายบุหรี่ไฟฟ้า-น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า โดยยึดของกลางทั้งหมด 2.6 แสนชิ้น มูลค่าประมาณ 130 ล้านบาท จับกุมผู้ต้องหาได้ 1 คน และกำลังออกหมายจับอีก 1 คน โดยภาพรวมผลปฏิบัติการทั้งหมดสามารถยึดของกลางได้กว่า 800,000 ชิ้นมูลค่า กว่า 200 ล้านบาท ซึ่งครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่ใหญ่ที่สุด และมีมูลค่าที่สูงมาก เพราะของที่พบในโกดังแห่งนี้เป็นสินค้าพรีเมียม ประเมินมูลค่าต่อชิ้นอยู่ที่ประมาณ 500 บาท
ด้าน พล.ต.ต. นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า เคสนี้เป็นการล่อซื้อผ่านเว็บไซต์ และกลุ่ม LINE จากนั้นได้มีการสะกดรอย จนพบการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ติดตามจนพบจุดพักสินค้า และขยายผลว่ามีการรับสินค้ามาจากเส้นทางใด ซึ่งพบว่ามีความเชื่อมโยงกับคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพิ่งตรวจค้นที่โกดังด่านศุลกากรแหลมฉบัง หลังจากนี้จะมีการสืบสวนขยายผลว่าใครเป็นคนนำสินค้า
ขณะเดียวกันในสถานที่แห่งนี้ ยังเป็นสถานที่แพ็กสินค้า จากการสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ ก่อนจัดส่งทางไปรษณีย์ ขณะเดียวกันที่โกดังแห่งนี้ยังมีตู้สำหรับโชว์สินค้าสำหรับผู้ที่จะนำไปจำหน่ายรายย่อยได้นำไปตั้งโชว์สินค้าให้กับลูกค้าด้วย ถือว่าเป็นสถานที่ครบวงจร
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าโกดังแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับ สภ.บางบัวทอง พล.ต.ต.นพศิลป์ บอกว่า ได้แจ้งต่อผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 แล้ว จนมีการประสานงานร่วมกัน และพบว่าเป็นโกดังปิด ซึ่งในพื้นที่จังหวัดนนทบุรีมีหลายโกดัง การตรวจสอบของตำรวจอาจไม่ทั่วถึง ซึ่งยังพบว่าพฤติการณ์ผู้ต้องหาจะย้ายสินค้าหนี หากมีตำรวจเข้ามาตรวจสอบ
ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่า โกดังแห่งนี้เป็นของภรรยาตำรวจ พล.ต.ต.นพศิลป์ ระบุว่า เป็นเรื่องเข้าใจผิด โกดังดังกล่าวเป็นโกดังที่ปล่อยเช่า มีเจ้าของเป็นผู้หญิง เป็นอดีตภรรยาตำรวจ แต่ผู้ต้องหาคือผู้ที่มาเช่า ซึ่งผู้ให้เช่าไม่ทราบ
สำหรับประเด็นการทำลายของกลางบุหรี่ไฟฟ้า พล.ต.ท. สำราญ กล่าวมว่า ของกลางจะถูกส่งไปทำลาย โดยมีขั้นตอนวงรอบกำหนดอยู่เหมือนกับการทำลายยาเสพติด โดยวันที่ทำลายจะมีการเชิญสื่อมวลชนไปด้วย
ก่อนที่นายกรัฐมนตรี จะกล่าวเสริมว่า ไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้ว่าจะมีใครเก็บไป เพราะตำรวจได้นับของกลางทุกอย่างไว้ทั้งหมดแล้ว ย้ำว่า รัฐบาลดำเนินการอย่างครอบคลุมทั้งหมด ทั้งการหาต้นตอ จับกุม และทำลาย
ขณะที่นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ของกลางทั้งหมดนี้จะนำส่งไปที่กรมศุลกากร ตามที่กฎหมายกำหนด จากนั้นจะมีการประเมินมูลค่า ก่อนที่จะให้ตำรวจขยายผลเพิ่มเติม ซึ่งจะมีการขยายผลถึงนายทุน และตัวแทนที่นำเข้ามาในประเทศ