หนุ่มกู้ภัยลูกอ่อนออกเวรกลับบ้านเลี้ยงลูก ถูกเมียด่ายับ หลังพบ LINE แชทหาสาวปลิวว่อนโซเชียล โป๊ะแตกถูกมิจฉาชีพปลอมเอาภาพไปแอบอ้าง
วันนี้ (25 ก.พ.68) นายศรราม อายุ 49 ปี เจ้าหน้าที่อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยมูลนิธิแห่งหนึ่งในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมภรรยา เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์เพื่อปกป้องสิทธิของตัวเองกับ พ.ต.ท.จตุพงษ์ แป้นเขียว สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ พร้อมเอกสารหลักฐาน หลังมีบุคคลไม่ทราบชื่อ ซึ่งคาดว่าเป็นมิจฉาชีพปลอมไลน์ของตัวเองแชททักหาหญิงบุคคลอื่นที่มิใช่ภรรยาของตนเอง แล้วพูดคุยเชิงชู้สาว หลังจากนั้นถูกสาวคนดังกล่าวแคปภาพหน้าจอแล้วเอาไปโพสต์ลงสตอรี่ใน facebook เชิงต่อว่าด่าทอในทางเสียหาย จึงเดินทางเข้ามาแจ้งความเพื่อปกป้องสิทธิของตนเอง และให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการเอาผิดทางกฎหมาย
นายศรราม เล่าวว่า ขณะเกิดเหตุตนเองไม่ทราบเรื่องมาก่อน เนื่องจากตนเองทำงานเข้าเวรเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยอยู่ที่ประจวบฯ และเมื่อออกจากเวรปฏิบัติหน้าที่มาแล้ว ก็กลับบ้านมาเลี้ยงลูกอ่อน ซึ่งมีอายุได้เพียง 3 เดือน ไม่ได้ออกไปไหน ซึ่งขณะนั้นภรรยาก็อยู่ด้วย และได้มีเพื่อนในเฟซบุ๊คพบเห็นสตอรี่ที่เป็นรูปโปรไฟล์ถูกแชร์ในเชิงเสียหาย จึงได้แคปหน้าจอส่งมาให้ดู และภรรยาของตนเมื่อทราบเรื่องก็รู้สึกเครียดเสียใจต่อว่าด่าทอตน ว่าแอบนอกใจไปคบคุยกับสาวอื่น ซึ่งตนเองได้ปฏิเสธไปกับภรรยาว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย หลังจากนั้นภรรยาจึงได้ทักไปหาเผู้หญิงรายหนึ่งที่นำภาพของตนไปโพสต์ด่าในสตอรี่ในเชิงเสียหายเพื่อสอบถามรายละเอียด จึงทราบว่าเป็นไลน์ปลอมที่สร้างขึ้นมาใหม่ที่ไม่ใช่ของตน จึงได้รวบรวมภาพทั้งหมดมาเป็นเอกสารหลักฐาน แล้วมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนที่โรงพัก เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับตน และไลน์ที่ถูกปลอมขึ้นมาใหม่ไม่ใช่ของตน หากไลน์ดังกล่าวไปสร้างความเสียหายหรือไปหลอกลวงใคร ตนไม่ขอรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น และต้องการแจ้งความเอาผิดให้ถูกดำเนินคดีจะได้ไม่ไปก่อเหตุกับใครอีก
ด้าน ทนายความประจำโรงพัก สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า จากกรณีเหตุดังกล่าวทำให้เสื่อมเสียได้รับความเสียหายทางด้านชื่อเสียง มีความผิดในข้อหาหมิ่นประมาท และพรบ.คอมพิวเตอร์ ส่วนหากผู้เสียหายถ้ามาแจ้งลงบันทึกประจำวันอย่างเดียวก็จะเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจปกป้องสิทธิ์ของตนเองเท่านั้น แต่ถ้าจะให้ทางตำรวจดำเนินการเอาผิดทางกฎหมายก็จะต้องแจ้งความกับพนักงานสอบสวนเท่านั้น ถึงจะดำเนินการสอบสวนเอาผิดกับผู้กระทำผิดตามกฎหมายได้