เตือนแล้วนะ! "เรืองไกร" ยื่นป.ป.ช. สอบสส.สว.ที่โหวตให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งที่มีลักษณะต้องห้าม ส่อขัดรัฐธรรมนูญ และ จริยธรรมร้ายแรง
วันนี้ (12 ก.ค.66) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ ถึง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือป.ป.ช. เพื่อตั้งเรื่องตรวจสอบสส. สว. ว่าจะเข้าข่ายมีพฤติการณ์จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 (1) หรือไม่ กรณี มติ กกต. ให้ไต่สวนความผิดนายพิธา ตาม มาตรา 151 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. พ.ศ. 2561 และต่อมามี สว.บางคน ออกมาเตือนเรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรีที่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) อาจจะกระทำมิได้ เพราะจะขัดต่อ มาตรา 159 ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นเหตุให้ต้องร้องไปยัง ป.ป.ช. เพื่อตั้งเรื่องตรวจสอบต่อไป
นายเรืองไกร กล่าวว่า เนื่องจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 วรรคสาม ประกอบมาตรา 272 วรรคหนึ่ง บัญญัติบังคับไว้แล้วว่า มติของรัฐสภาที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรี ต้องกระทำโดยการลงคะแนนโดยเปิดเผย และมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ของรัฐสภา ข้อ 5. ดังนั้น การที่สส. สว. ในฐานะสมาชิกรัฐสภา ผู้ใดจะกระทำการให้ความเห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่า บุคคลมีจะให้ความเห็นชอบนั้น เป็นบุคคลซึ่งมีลักษณะต้องห้ามตาม มาตรา 160 ทั้งนี้ ตามมติ กกต. ที่ให้ดำเนินการตามความใน มาตรา 151 แห่งพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. พ.ศ. 2561 สส. สว.ในฐานะสมาชิกรัฐสภา ผู้นั้น ย่อมอาจเข้าข่ายมีการกระทำอันฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
จึงมีเหตุอันควรขอให้ ป.ป.ช. ทำการตั้งเรื่องเพื่อตรวจสอบผลแห่งการกระทำที่จะเกิดขึ้นตามมาดังกล่าวข้างต้นว่า มีสส. สว.ว่าจะเข้าข่ายมีพฤติการณ์จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 (1) หรือไม่
