ประชาชนกว่า 40,000 คน ต้องอพยพ หลังเขื่อนหลักในยูเครนเสียหายจากแรงระเบิด

ประชาชนกว่า 40,000 คน ต้องอพยพ หลังเขื่อนหลักในยูเครนเสียหายจากแรงระเบิด

View icon 66
วันที่ 7 มิ.ย. 2566 | 11.47 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ประชาชนกว่า 40,000 คน ต้องอพยพออกจากบ้าน หลังเขื่อนหลักในยูเครนเสียหายจากแรงระเบิด ทำให้มวลน้ำมหาศาลไหลทะลักเข้าท่วมหลายพื้นที่ ขณะที่ต่างฝ่ายต่างโทษว่า เป็นความผิดของอีกฝ่าย ด้านสหประชาชาติเตรียมเปิดการประชุมฉุกเฉิน เพื่อหารือ

วันนี้ (7 มิ.ย. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หลังเกิดเหตุเขื่อนหลักที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยสหภาพโซเวียต ที่เมืองโนวาคาเคฟกา ในภูมิภาคเคียร์ซอน ทางตอนใต้ของยูเครน ซึ่งเป็นเขตที่รัสเซียเข้าควบคุมอยู่ ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากแรงระเบิด ส่งผลให้มวลน้ำมหาศาลไหลทะลักออกจากรอยแตกของเขื่อนทำให้มีน้ำท่วมสูงทั้งในเขตที่มีการสู้รบ และตามหมู่บ้านโดยรอบ ขณะที่ประชาชนประมาณ 42,000 คน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยตามแนวแม่น้ำนีเปอร์ หรือ ดนีโปร ทั้งในเขตควบคุมของยูเครนและรัสเซีย ต้องเร่งอพยพออกจากบ้านเรือน

โดยเขื่อนดังกล่าวมีความสูง 30 เมตร ยาว 3.2 กิโลเมตร สร้างขึ้นเพื่อกั้นแม่น้ำนีเปอร์ และเป็นส่วนหนึ่งของโรงไฟฟ้าพลังน้ำคาเคฟกา รวมทั้งยังเป็นแหล่งส่งน้ำเพื่อใช้ในกระบวนการหล่อเย็นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียของยูเครน และเป็นแหล่งน้ำสำคัญของภูมิภาคไครเมียของรัสเซียด้วย

ทางประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เผยว่า อาจมีเมืองและหมู่บ้านประมาณ 80 แห่ง ที่จะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม และกล่าวหารัสเซียว่า รัสเซียก่อเหตุอาชญากรรมสงครามด้วยการระเบิดเขื่อน

ขณะที่ฝ่ายรัสเซียโต้ว่าเป็นความผิดของยูเครน โดยอ้างว่า ยูเครนกำลังพยายามเบี่ยงเบนความสนใจจากแผนการตอบโต้กลับครั้งใหญ่ของยูเครน

ด้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ได้เรียกประชุมฉุกเฉิน พร้อมเตือนถึงผลกระทบอย่างใหญ่หลวงจากเหตุการณ์ครั้งนี้ต่อประชาชนในพื้นที่ทางตอนใต้ของยูเครน ซึ่งประชาชนที่อยู่ในแนวหน้าสงคราม ที่ต้องสูญเสียบ้านเรือน, อาหาร, แหล่งน้ำที่ปลอดภัย และความเป็นอยู่ด้วย

ทั้งนี้ ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากเหตุเขื่อนเสียหายครั้งนี้ แต่เบื้องต้นมีรายงานสัตว์ต่าง ๆ ในสวนสัตว์ประมาณ 300 ตัว ถูกน้ำท่วมตาย