"ชูวิทย์" แนะ ก.ก.- พท. ผูกขาไปด้วยกัน “น้ากับป้า” ทะเลาะกัน “ลุงอำนาจเก่า” จ้องเสียบ

"ชูวิทย์" แนะ ก.ก.- พท. ผูกขาไปด้วยกัน “น้ากับป้า” ทะเลาะกัน “ลุงอำนาจเก่า” จ้องเสียบ

View icon 139
วันที่ 25 พ.ค. 2566 | 08.48 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
"ชูวิทย์" แนะ ก้าวไกล-เพื่อไทย ผูกขาเดินไปด้วยกัน ไม่อย่างนั้นไม่เกินปีเลือกตั้งใหม่ มัวแต่งอน “น้ากับป้า” ทะเลาะกันให้หลานมาห้ามทัพ อย่าลืมว่า “ลุงอำนาจเก่า” จ้องเสียบ

รอยร้าวตั้งรัฐบาล วันนี้ (25 พ.ค.66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์เตือนพรรคร่วมรัฐบาลที่มีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ “ให้ผูกขาเดินไปด้วยกัน”  โดยนายชูวิทย์วิเคราะห์ว่า เกมการเมือง ณ ขณะนี้ มี 2 เรื่อง ที่เกี่ยวโยงกัน คือ ในวันเซ็น MOU คุณศิธา (น.ต.ศิธา ทิวารี) ได้ลุกถามถึงการจับมือกันอย่างเหนียวแน่นของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร

ในทางการเมืองตอบลำบาก เพราะสถานการณ์ของนายกฯ จะชื่อ “พิธา” (นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์) หรือไม่ มันยังไม่แน่นอนเหมือนทุกครั้ง จึงสมควรไปถามกันเป็นการภายในมากกว่าที่จะออกมาถามต่อหน้าสื่อ เงื่อนไขจะเปลี่ยน หากดันนายกฯ ที่ชื่อ “พิธา” ไม่ผ่าน สว.

นายชูวิทย์ ระบุว่า น.ต.ศิธาเป็นคนพรรคไทยสร้างไทยของคุณหญิงหน่อย (คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์) การถามต่อหน้าสื่อในวันจับมือจัดตั้งรัฐบาลแบบนี้ย่อมสร้างความกระอักกระอ่วน จนทำให้ “หมอชลน่าน” (นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว) ถึงกับถามพรรคก้าวไกลว่า “จะเลือก 140 เสียงของเพื่อไทย หรือ 6 เสียงของไทยสร้างไทย รอยร้าวแตกให้เห็นแผลเก่าของพรรคร่วมรัฐบาลตั้งแต่ยังไม่ทันตั้งไข่ แสดงให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยไม่เอาพรรคไทยสร้างไทยของคุณหญิงหน่อย ทั้งๆ ที่เคยอยู่พรรคเดียวกันมาก่อน กลายเป็น “ผีไม่เผา ขี้เถ้าไม่เหยียบ” ภาระหนักจึงตกอยู่กับพรรคก้าวไกล

ส่วนการเลือก “ประธานสภาฯ” มีการแก่งแย่งตำแหน่งนี้ ระหว่าง 2 พรรคแกนนำ ในเมื่อ “นายก” ยังไม่แน่ว่าชื่อ “พิธา” หรือไม่หากโหวตครั้งแรกไม่ผ่าน ประธานสภาจะต้องบรรจุวาระให้ สว. โหวตอีกกี่ครั้งก็ได้ เพื่อเพิ่มแรงกดดัน เมื่อประธานสภาเป็นคนของพรรคก้าวไกล แต่หากประธานสภาเป็นคนของพรรคเพื่อไทย อาจให้โหวตครั้งเดียวตามธรรมเนียม  เมื่อไม่ผ่าน สว. ก็เสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของเพื่อไทย ที่มีถึง 3 คน ในขณะที่พรรคก้าวไกล มีแคนดิเดตนายกฯ แค่คนเดียวชื่อ “พิธา” จึงมี “แผนส้มหล่น”

นายชูวิทย์ วิเคราะห์อีกว่า หากไปถึงตรงนั้นแล้ว สว. ไม่โหวต อ้าง “คุณสมบัติ” เรื่องหุ้นสื่อไม่ได้ “สวนมติประชาชน” เสียหน่อย เกมจะเปลี่ยน บอลมาเข้าเท้าเพื่อไทย ถึงเวลานั้นจะได้เห็นว่าก้าวไกลจะยังอยู่ร่วมรัฐบาลอยู่ไหม หรือจะยอมไปเป็นฝ่ายค้าน จนเพื่อไทยมีสิทธิสมบูรณ์แบบที่จะ สลัดขั้ว-สลายเงื่อนไข เข้าร่วมกับพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ ได้ สส. 280 เสียง โหวตฉลุยโดย สว. หรืออาจหามให้ “บิ๊กป้อม” (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ขึ้นเป็นนายกฯ คนที่ 30 แทน เพื่อแลกการ “กลับบ้านมาเลี้ยงหลาน” โดยพรรคก้าวไกลทำอะไรไม่ได้

ถึงเวลานั้นอยู่ที่ว่า “รัฐบาลใหม่” ที่ชนะเพราะกรรมการจับแพ้ฟาล์ว จะเดินต่อไปได้นานแค่ไหน เกมนี้วางกันมาแล้ว และหากไม่ยอมทั้ง 2 พรรค ให้โหวตเลือกในสภา หาประธานสภาแข่งกันเอา ยิ่งเข้าทางพรรคเพื่อไทยไปใหญ่ เพราะคอนเน็กชันดีกว่าก้าวไกล  แต่ในเมื่อพรรคเพื่อไทยกินกระทรวงเกรดเอไปแทบทั้งหมด ไล่ตั้งแต่ คมนาคม เกษตร พลังงาน อุตสาหกรรม ท่องเที่ยวและกีฬา ทีมคนแก่พรรคเพื่อไทยได้ “เนื้อวากิว” ไปกิน  ปล่อยให้ทีมเด็กพรรคก้าวไกลไปกิน “น้ำพริกปลาทู” ตำแหน่ง “ประธานสภา” จึงสมควรเป็นของพรรคก้าวไกล และหากโหวตไม่ผ่าน ชื่อพิธา แม้ว่าประธานสภาเป็นของพรรคก้าวไกล ย่อมเป็นอื่นไปไม่ได้ที่จะต้องเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย

“ 2 พรรค จะต้องก้าวเดินไปด้วยกัน ต้องมีความจริงใจ ไม่อย่างนั้นไม่เกินปีมีเลือกตั้งใหม่อีกรอบ ทีมเด็กไม่กลัว เพราะเสียเงินน้อย พร้อมเหนื่อยแล้วได้มาก ทีมคนแก่แรงหมด เงินใช้ไปเยอะ แล้วเที่ยวนี้ บ้านใหญ่ล้มระเนระนาด บ้านส้มจะมาอีกมาก หากมัวแต่ “งอนกันไปมา” น้ากับป้าทะเลาะกันแล้วให้หลานมาห้ามทัพ จะไหวหรือ หลานเองก็ยังไม่รู้จะเอาตัวรอดได้ไหม อย่าลืมว่าบรรดา “ลุงอำนาจเก่า” เขาจ้องเสียบอยู่ ปากบอกอย่างแต่ใจไปอีกอย่าง  รอบนี้ถ้าลุงๆ ยังกลับมาได้อีก กลิ่นความเจริญจะสูญหายไปทันควัน” นายชูวิทย์ ระบุทิ้งท้าย