ข่าวภาคค่ำ - เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบบ้านชายคลั่งกราดยิงที่จังหวัดเพชรบุรี พบปลอกกระสุนจำนวนมาก และหลักฐานที่ไม่เคยพบกลยุทธ์ลักษณะนี้ของผู้ก่อเหตุรายอื่นในพื้นที่มาก่อน
พลตำรวจตรี กำธร อุ่ยเจริญ ผู้บังคับการ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 7 เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบ้านผู้ก่อเหตุ พบปืนเพียง 1 กระบอก ขนาด 9 มม. ตกอยู่ด้านซ้ายของผู้เสียชีวิต ที่อยู่ในลักษณะนอนคว่ำหน้า นอกจากนี้ยังพบปลอกกระสุนจำนวนมาก และมากกว่า 2 ขนาด ซึ่งต้องนำไปพิสูจน์ว่าส่วนใดเป็นของผู้ก่อเหตุ และของเจ้าหน้าที่ที่เข้าไประงับเหตุ
เบื้องต้นปลอกกระสุนที่ตรงกับปืนที่พบในบ้านผู้ก่อเหตุ มีไม่ถึง 50 ปลอก และในบ้านยังไม่พบลักษณะของการสะสมอาวุธและเครื่องกระสุนปืน และยังไม่ชัดเจนว่าปืนที่ผู้ก่อเหตุใช้มีกี่กระบอก
นอกจากอาวุธปืนและกระสุน ยังพบอีกว่าภายในบ้าน ตั้งแต่ชั้น 1 บันไดบ้าน จนถึงรอบตัวผู้ก่อเหตุในห้องพระชั้น 2 มีการราดน้ำมันพืชและโรยลูกแก้วไว้ตามพื้น ซึ่งเป็นอุปสรรคของเจ้าหน้าที่ในการระงับเหตุ โดยที่ผ่านมายังไม่เคยพบกลยุทธ์แบบนี้ของผู้ก่อเหตุรายอื่น ๆ ในพื้นที่มาก่อน
ส่วนการร่วมกันระหว่างสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม, อัยการ และตำรวจ เพื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุภายในบ้านของ พันตำรวจโท กิตติกานต์ หรือ สารวัตรกานต์ เพื่อหาข้อเท็จจริงการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในการควบคุมสถานการณ์ว่าทำเกินกว่าเหตุหรือไม่
พันตำรวจโท สราวุธ บุตรดี รองผู้กำกับการสอบสวน สน.สายไหม เปิดเผยว่า ได้วิดีโอคอลพูดคุยกับญาติ ตอบคำถามทุกประเด็นที่มีข้อสงสัย ซึ่งญาติก็สบายใจขึ้นในระดับหนึ่ง พร้อมบอกเหตุผลที่ประสานสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เข้าร่วมตรวจสอบ เนื่องจากต้องการให้เกิดความมั่นใจในข้อเท็จจริง
นายแพทย์ ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต แนะนำให้ถอดบทเรียนจากเหตุกราดยิง ที่จังหวัดเพชรบุรี และสายไหม กรุงเทพฯ รวมไปถึงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นมาแล้วหลายต่อหลายครั้งก่อนหน้านี้ มาจากความเครียด และมีปัญหาสภาพจิตใจ อีกทั้งยังต้องจัดระบบการถือครอบครองอาวุธปืน ต้องมีระบบติดตามปัญหาสภาพจิตใจด้วย และที่สำคัญ ต้องควบคุมดูแลให้ใช้อาวุธเฉพาะในขณะปฎิบัติหน้าที่ หากเสร็จสิ้นภารกิจ หรือ ไม่เกี่ยวข้องแล้ว ก็ไม่ควรให้มีไว้ในครอบครองได้ และต้องยกเลิกปืนสวัสดิการด้วย แม้ว่าเหตุกราดยิงที่เพชรบุรี จะเป็นอดีตลูกจ้างชั่วคราว และที่มาของอาวุธปืนจะไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานก็ตาม
นอกจากนี้ จิตแพทย์ยังเป็นห่วงว่าในอนาคตสังคมจะเกิดความชินชาต่อความรุนแรง ขาดความยับยั้งชั่งใจ ต้องมีมาตรการป้องกันพฤติกรรมเลียนแบบ
