นับถอยหลัง ไม่เกิน 5 เดือน ได้เลือกตั้ง

View icon 53
วันที่ 11 ธ.ค. 2565 | 13.31 น.
ข่าวเด็ด 7 สี
แชร์
ข่าวเด็ด 7 สี - กลับมาพบกันกับข่าวเด็ดวันหยุด ที่จะมาขยี้ข่าวใหญ่ ขยายคดี และประเด็นดัง เล่าเรื่องปังในรอบสัปดาห์ กับคนข่าว 7HD

ข่าวใหญ่รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็หนีไม่พ้นเรื่องการเมือง เพราะถ้านับตามปฏิทินของ กกต.กรณีรัฐบาลอยู่ครบวาระ 23 มีนาคม ปีหน้า ก็ปักหมุดไว้แล้วว่าจะเลือกตั้งกันในวันที่ 7 พฤษภาคม ปีเดียวกัน

หรือนับจากนี้ไปอีกแค่ 5 เดือนเท่านั้น แต่เชื่อได้ว่าน่าจะมีการยุบสภาก่อนวาระไม่นานนัก ดังนั้นการเลือกตั้งจึงไม่น่าจะเคลื่อนไปจากเดือนพฤษภาคมปีหน้า

นายกฯ คนละครึ่ง บิ๊กตู่ ชัด อยู่ต่อ 2 ปี ส่งไม้ต่อทายาท
และด้วยเหตุที่การเลือกตั้งใกล้เข้ามาทุกขณะ บรรดานักการเมืองก็ต้องเร่งตัดสินใจจะอยู่พรรคเดิมต่อ หรือจะย้ายไปซบพรรคใหม่ ที่ฮือฮากันหน่อยก็เห็นจะเป็นคำพูดของ บิ๊กตู่

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชัดเจนกันซะทีว่าจะไปอยู่รวมไทยสร้างชาติ วางเป้าหมายเป็นนายกรัฐมนตรีอีก 2 ปี ก็ทำให้เสียงแซวเรื่อง "นายกฯคนละครึ่ง" กลับมาอีกครั้งหนึ่ง เราไปฟังเสียงท่านนายกฯที่พูดเรื่องนี้กันหน่อยครับ

มิ่งขวัญ ทิ้งสามล้อ ขึ้นรถ พปชร.
จากความชัดเจนของนายกรัฐมนตรี มาดูความชัดเจนของคุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ กันบ้าง ซึ่งก็เปิดตัวแล้วว่าจะไปอยู่กับพี่ใหญ่ อย่างบิ๊กป้อม พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ร่วมงานการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐ ทั้งที่เคยแสดงจุดยืน ว่าอยู่คนละขั้ว ร่วมทางกันไม่ได้สาเหตุที่เปลี่ยนใจก็มีอยู่ด้วยกันสองเงื่อนไข คือ ขอเป็นหนึ่งในบัญชีนายกฯของพลังประชารัฐ และ บิ๊กตู่ไปร่วมงานกับพรรคการเมืองอื่นแล้ว ทางจึงปลอดโปร่ง ไม่ถือว่าเป็นการตระบัดสัตย์ ไปฟังเสียงคุณมิ่งขวัญกัน

ดีลลับระหว่างคุณมิ่งขวัญกับบิ๊กป้อม ที่ถูกนำมาเปิดเผยกลางวง เรื่องเป็นหนึ่งในบัญชีนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ ก็เล่นเอาบรรดาแกนนำพรรคเหวอไปตาม ๆ กัน ยอมรับไม่เคยรับรู้เงื่อนไขนี้มาก่อน ดังนั้นเส้นทางของคุณมิ่งขวัญ อาจไม่ราบรื่นอย่างที่คิด เนื่องจากยังต้องผ่านด่านกรรมการบริหารพรรคด้วยว่า จะยอมให้ชื่อคุณมิ่งขวัญอยู่ในบัญชีนายกฯของพรรคหรือไม่ เพราะแม้แต่ บิ๊กป้อมก็ยังออกตัวไว้เหมือนกันว่า แค่รับที่จะเสนอชื่อ ทั้งหมดยังต้องขึ้นอยู่กับลูกพรรคว่าจะคิดเห็นกันอย่างไร

แต่ก็เรียกว่าดีลนี้มีลุ้นถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แม้ยังมีความเสี่ยงอาจไปไม่ถึงฝันก็ตาม

นอกจากนี้ยังมีเสียงค่อนขอดเหมือนกันว่า การตัดสินใจของคุณมิ่งขวัญครั้งนี้ เปรียบเหมือนกับทิ้งรถสามล้อไปขึ้นรถเบ๊นซ์

คนที่พูดเรื่องนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน คือ คุณดำรงค์ พิเดช อดีตหัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ที่อุตส่าห์สละพรรค เปลี่ยนชื่อเป็นพรรคโอกาสไทย เพื่อเบิกทางให้คุณมิ่งขวัญ แต่สุดท้ายก็ถูกเท เขาคิดอย่างไร ไปฟังกันครับ

คราวนี้เรามาดูเส้นทางการเมืองของคุณมิ่งขวัญกันหน่อย เข้าสู่เส้นทางการเมืองครั้งแรก ร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย ก่อนจะลาออกมาสร้างดาวดวงใหม่ที่ชื่อ เศรษฐกิจใหม่

กวาด สส.มาได้ 6 ที่นั่ง แต่ก็ไม่สามารถร่วมหัวจมท้ายได้แบบตลอดรอดฝั่ง สุดท้ายต้องทิ้งตำแหน่งสส.พร้อมลาออกจากพรรคด้วยความบอบช้ำ เพราะทิศทาง อุดมการณ์ไปด้วยกันไม่ได้ เนื่องจาก สส.อีก 5 คนของเศรษฐกิจใหม่ ย้ายขั้วไปหนุนรัฐบาล

แต่คุณมิ่งขวัญ ก็ยังไม่ย่อท้อ สร้างเส้นทางการเมืองใหม่ให้ตัวเองอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวเป็นหัวหน้าพรรคโอกาสไทย แต่ช่วงเวลาค่อนข้างสั้น เพียงแค่ห้าเดือนเศษ ชีวิตการเมืองพลิกผันไปอยู่อีกขั้วหนึ่งเลยก็คือ พลังประชารัฐ ที่เคยถูกมองว่า ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ แต่ตอนนี้เรียบร้อยโรงเรียนบิ๊กป้อมไปแล้ว  หลังบิ๊กตู่ เตรียมโบกมือลาจากพลังประชารัฐ

เท่ากับว่าตลอดระยะเวลาที่อยู่บนถนนการเมือง คุณมิ่งขวัญอยู่มาแล้ว 4 พรรค แต่ถ้าคิดแค่ในรอบ 4 ปี ก็จะเป็นชาย 3 พรรคครับ คงต้องดูว่าบทบาทต่อจากนี้ จะไปได้ถึงฝั่งฝันหรือเปล่า

โดยในปัจจุบันมีสส.อยู่ในสภาจำนวน 476 คน หากมีการลาออกมากกว่าครึ่งหนึ่ง สภาฯก็ไปต่อไม่ได้ ซึ่งก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะไปไกลถึงจุดนั้น แต่มีการคาดการณ์ว่าอาจมีสส.ลาออก เพื่อย้ายพรรค ราว 40-50 คน โดยพิจารณาจากกลุ่มสส.งูเห่า ที่ปันใจไปพรรคอื่นแล้ว สส.ที่พรรคเดิมไม่ส่งลงสมัคร และ สส.ที่ถูกดึงตัวไปร่วมงานการเมืองกับพรรคใหม่

ขณะที่พรรคการเมืองขนาดเล็ก รวมไปถึงพรรคการเมืองใหม่ ก็มีแนวโน้มที่จะรวมร่างกันมากขึ้น หลังจากกติกาใหม่ใช้สูตรหาร 100 คำนวณสส.บัญชีรายชื่อ โดยก่อนหน้านี้มีพรรคขนาดจิ๋วสามพรรคยุบตัวเองไปรวมกับพลังประชารัฐแล้ว

นี่ก็เป็นข่าวใหญ่การเมืองในรอบสัปดาห์ และการมองไปข้างหน้าถึงผลกระทบจากนโยบายพรรคการเมือง  ที่นำมาฝากกันในวันนี้ครับ

ส่วนสัปดาห์หน้าการเมืองร้อน ๆ คงต้องจับตาไปที่ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง หลังไม่ได้พิจารณาจากเหตุสภาล่มเมื่อวันพุธที่ผ่านมา