กลุ่มโอเปก ผู้ผลิตน้ำมันชั้นนำของโลก และพันธมิตรผู้ผลิตน้ำมันที่รวมถึงรัสเซีย ได้ผลสรุปจากการประชุมร่วมกันในนาม โอเปกพลัส (OPEC+) ว่าจะยังคงตรึงปริมาณการผลิตน้ำมันเท่าเดิม
วันนี้ (5 ธ.ค. 65) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กลุ่มโอเปกพลัส ตัดลดการผลิตน้ำมันลง 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เริ่มต้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ซึ่งการปรับลดดังกล่าวยังคงมีผลต่อตลาด
ล่าสุดแถลงการณ์จากที่ประชุมโอเปกพลัส เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม แสดงถึงการตอบโต้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ โอเปกพลัส ปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันเมื่อเดือนตุลาคม พร้อมยืนกรานว่า “เป็นการตัดสินใจที่คำนึงถึงเสถียรภาพของตลาดน้ำมันโลก” การตัดสินใจดังกล่าวสอดคล้องกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบจากมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจรอบใหม่ที่ยุโรปใช้เล่นงานรัสเซีย เพื่อหวังให้กระทบต่อรายได้น้ำมันของรัสเซีย ซึ่งนำไปใช้สู้รบในสงครามกับยูเครน
โดยมาตรการสำคัญหนึ่งที่รัสเซียต่อต้านอย่างยิ่ง นอกเหนือจากการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียแล้ว คือการที่สหภาพยุโรปและกลุ่มจี 7 ร่วมกันกำหนดเพดานราคาน้ำมันส่งออกของรัสเซียไม่ให้เกิน 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่า มาตรการแซงก์ชั่นดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อตลาดโลกอย่างไร เมื่อการส่งออกน้ำมันของรัสเซียถูกคุมเข้มมากขึ้น แต่ รัสเซีย ในฐานะผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 2 ของโลก ได้เปลี่ยนลูกค้าจากยุโรปไปเป็น อินเดีย, จีน และตุรกี มาก่อนหน้านี้แล้ว
เป็นไปได้ว่า การกำหนดเพดานราคาน้ำมันของยุโรปจะไม่มีผลอะไร เพราะรัสเซียแค่ใช้วิธีไม่ส่งน้ำมันให้ประเทศที่จำกัดการนำเข้า ขณะที่อีกด้านหนึ่ง ราคาน้ำมันลดลงเพราะความหวาดกลัวสถานการณ์โควิดแพร่ระบาดในจีน และการควบคุมโควิดของจีนจะไปลดอุปสงค์การใช้น้ำมันลง เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่และเป็นหลักของโลก
