วันนี้ (17 ก.พ.65) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทีมแพทย์ของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตลอสแอนเจลิส และมหาวิทยาลัยจอห์น ฮ็อปกินส์ ในรัฐแมริแลนด์ เปิดเผยว่า หญิงวัยกลางคนชาวสหรัฐฯ ซึ่งป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว เป็นผู้หญิงคนแรก และผู้ป่วยคนที่ 3 ของโลกที่หายป่วยจากการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือโรคเอดส์ หลังจากได้รับการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด หรือ สเต็มเซลล์ จากเลือดผ่านทางรกเด็ก ซึ่งการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์เป็นการกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันของสตรีคนนี้กลับมาทำงานอีกครั้ง และสามารถต้านเชื้อเอชไอวีได้ในที่สุด โดยสตรีคนนี้ไม่พบเชื้อเอชไอวีในร่างกายนาน 14 เดือนแล้ว และไม่ต้องทานยาต้านโรคเอดส์ด้วย
สำหรับชาย 2 คนก่อนหน้านี้ที่หายป่วยจากการติดเชื้อเอชไอวี เป็นชายผิวขาว และชายเชื้อสายลาติน ที่ได้รับการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์จากผู้ใหญ่ ซึ่งจะใช้วิธีปลูกถ่ายไขกระดูกเป็นส่วนใหญ่
ขณะเดียวกัน ทีมแพทย์ยังได้เฝ้าติดตามผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี อีก 25 คนที่ได้รับการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์แล้วเพื่อดูอาการต่อไป
แม้จะมีผู้รักษาจนหายขาดแล้ว 3 คน แต่ขณะนี้ ยังมีการพัฒนายาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อให้ผู้ป่วยดูแลร่างกายและทานยาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนผุ้ที่ไม่ติดเชื้อ
