ด้าน นาย เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล ได้ออกแถลงการร์ประณามการกระทำของกลุ่มฮามาสว่า เป็นการล้ำเส้น ด้วยการยิงจรวดข้ามเขตแดนจากฉนวนกาซามายังนครเยรูซาเลม ซึ่งนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่สงครามเมื่อปี 57 พร้อมทั้งยืนยันว่า หากมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก อิสราเอลไม่ลังเลที่จะตอบโต้กลับคืนอย่างเข้มข้นที่สุดเพื่อปกป้องอธิปไตยและคุ้มครองประชาชน
ขณะที่ นายอิสมาอิล ฮานิเยาะห์ ผู้นำกลุ่มฮามาส กล่าวว่า การยิงจรวดข้ามเขตแดนจะเกิดขึ้นต่อไป จนกว่าอิสราเอลจะยุติการก่อการร้ายที่มัสยิดอัล-อักซอ ในเขตเมืองเก่า ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของนครเยรูซาเลม จากกรณีที่ตำรวจของอิสราเอลได้มีการปะทะกับผู้ประท้วงชาวปาเลสไตน์ รวมทั้งเหตุความรุนแรงในเขตเวสต์แบงก์ด้วย เบื้องต้น วานนี้ (10 พ.ค.64) มีรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บแล้วกว่า 700 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวปาเลสไตน์
ขณะเดียวกัน สำนักงานกาชาดของปาเลสไตน์เปิดเผยว่า จากเหตุดังกล่าวมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 คน โดยในจำนวนนี้ 9 คนเป็นเด็ก และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก
ด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ได้ร่วมประณามการที่กลุ่มฮามาสระดมยิงจรวดข้ามเขตแดนใส่อิสราเอล รวมทั้งอีกหลายประเทศที่ออกร้องขอความสงบ และขอให้ทั้งอิสราเอลและกลุ่มฮามาส มีความอดทน อดกลั้นและดำเนินการอย่างประนีประนอม
เหตุการณ์ตึงเครียดในเขตเมืองเก่าของนครเยรูซาเลมเกิดขึ้นเมื่อเข้าสู่เดือนรอมฎอน ซึ่งทางการอิสราเอลมีการบังคับใช้มาตรการทางสังคมเพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ต่อการรวมตัวเพื่อประกอบพิธีทางศาสนา แม้ต่อมารัฐบาลยอมผ่อนคลายข้อจำกัดบางส่วน แต่การที่ศาลฎีกาของอิสราเอลเตรียมพิพากษาเรื่องที่ดินในเขตชีค จาร์ราห์ ของนครเยรูซาเลม ซึ่งอาจนำไปสู่การทำให้ชาวปาเลสไตน์หลายครัวเรือนต้องไร้ที่อยู่อาศัย แต่ศาลได้เลื่อนกำหนดการอ่านคำตัดสินออกไปก่อนแล้ว เพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย
